
โครงงานชุดควบคุมพัดลม โดยใช้รีโมท RF Control

Download: Simulink Model file (proj11_RFControl.7z)
Contents [show]
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
เนื่องจากแต่เดิมการปิด-เปิด และ กำหนดค่าความสว่างใช้งานของไฟฟ้า ต้องไปกำหนดที่สวิตช์ของหลอดไฟตัวนั้นๆ จึงทำให้ยุ่งยากในการใช้งาน ผู้จัดทำโครงงานมองเห็นปัญหาจึงได้คิดค้นและจัดทำโครงงานนี้ขึ้นมาเพื่อลงความยุ่งยากในการเปิด-ปิด กำหนดค่าความสว่างใช้งานของไฟฟ้าโดยการใช้รีโมทชนิด RF สามารถผ่านสิ่งขีดขวาง ควบคุมในระยะไกลได้ และเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานความสว่างของไฟฟ้าให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เข้ากับยุคปัจจุบันซึ่งมีความเร่งรีบในการทำงานคุณสมบัติการทำงานของโครงงาน
– สามารถควบคุมการปิด-เปิดและกำหนดค่าความสว่างของหลอดไฟฟ้ากระแสสลับ– บอร์ดไดเวอร์ใช้กับหลอดไส้ขนาด 25-100 วัต
– รีโมทใช้ถ่านขนาด 9V
– สามารถควบคุมระยะไกลสุด 25 เมตร
– หน้าจอ LCD แสดงสถานะ ปิด- เปิด และ ระดับค่าความสว่าง 0-10
– โครงงานใช้กับไฟฟ้า 220 V
จากรูปที่ 2 INPUT ไฟฟ้ากระแสตรงจากถ่าน 9 โวลต์ (DC 9 V ) จะเข้ามาเป็นไฟเลี้ยงวงจร ไอซี HT12E ที่ขา 18 และ ตัวส่งสัญญาณRF (RF) ที่ขา 3 ไอซี HT12E ขาที่ 9,14 ตัวส่งสัญญาณRF (RF) ขาที่1 SW1 ขา 9-18 และ S1-S3 ขาใดขาหนึ่งต่อลงกราวด์ สาหรับ R1 ต่ออยู่กับขา15 และขา 16 ของ ไอซี HT12E เพื่อสร้างความถี่ในการส่งข้อมูลไปยังตัวรับ ขาที่ 17 ของ HT12E ต่อกับ ขา 2 ของตัวส่งสัญญาณRF (RF) ขาที่ 10-12ของ HT12E จะต่อกับ S1-S3 ขาที่เหลือตามลาดับ สาหรับ S1 เป็นสวิตซ์ที่ใช้ในการปิด-เปิดของหลอดไฟ S2 เป็นสวิตช์ที่ใช้สาหรับลดแสงสว่าง S3 เป็นสวิตช์ที่ใช้ในการเพิ่มแสงสว่าง ส่วนขาที่เหลือของ ไอซี HT12E ยกเว้นขา13 จะต่อกับ SW1 ที่ขา 1-8 เพื่อเป็นการตั้งรหัสประจารีโมท ให้เข้ากับตัวรับที่ต้องการควบคุม ต่อมาตัวส่งสัญญาณRF (RF) จะสร้างความถี่ 433.33MHz เพื่อส่งข้อมูลและความถี่ออกไปในอากาศที่ขา 4
จากรูปที่3 STM32F4 เป็นตัวประมวลผลหลักในการทำงาน ซึ่งจะทำหน้าที่ในการรับ INPUT และทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลตามที่ได้โปรแกรมมาก่อนจะส่งออก OUTPUT ไปควบคุมการทำงานของหลอดไฟ ขา INPUT คือขา PA4 , PA5 , PA6 สำหรับ PA4 เป็น ขาที่รับสัญญาณ ปิด – เปิด จาก HT12D ขา 12 PA5 เป็น ขาที่ลดความสว่างของหลอดไฟ จาก Decoder ขา 10 PA6 เป็น ขาที่เพิ่มความสว่างของหลอดไฟ จาก Decoder ขา 11
STM32F4 ขา OUTPUT PA0 , PA2 , PE7 , PE8 , PE9 , PE12 , PE13 , PE14 , PE15 สาหรับ PA0 จะส่งสัญญาณที่ทำหน้าที่ ปิด-เปิด หลอดไฟ ไปเข้าที่ ขา2 ของ TLP-250 PA2 จะส่งสัญญาณควบคุมความสว่างของหลอดไฟ ไปที่ ขา 1 ของ MOC3020 PE8 , PE9 , PE12 , PE13 , PE14 , PE15 จะต่อเข้ากับขา 4,5,6,11,12,13,14 ของ LCD เพื่อนาข้อมูลที่ได้ไปแสดงบนหน้าจอ LCD เป็น String ขา 2,15 ของ LCD จะต่อกับไฟ 5V เพื่อเลี้ยงวงจรของ LCD ขา1 และขา 16ของ LCD ต่อลงกราวด์ มีตัวต้านทานปรับค่าได้ (VR) 10k ขา1 ต่อไฟ 5 V ขา 3 ลงกราวด์ และขาใช้งาน ขา2 ต่อกับ LCD ขา3 เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ
จากรูปที่ 4 INPUT ไฟฟ้ากระแสตรง (DC 9-12 V) เข้ามา ถูก ไอซีเร็กกลูเลเตอร์จำกัดแรงดัน OUTPUT ที่ 5V เพื่อเลี้ยงวงจร ไฟฟ้ากระแสตรง (DC 5 V) จะออกที่ขา 3 ของไอซีเร็กกลูเลเตอร์ ไปเลี้ยงตัวรับสัญญาณวิทยุ TWS ขา 4-7 ขา 1ลงกราวด์ เลี้ยง ไอซี Decoder(HT12E) ที่ขา 18 และขา 9 ต่อลงกราวด์ ขา 15 ขา16 ต่อกับ R4 (51kΩ) ขา1-8 ต่อ กับสวิตช์ (SW)ขา1-8 ขาที่เหลือต่อลงกราวด์(GND) ขา10-12ของไอซี Decoder(HT12E) ต่อกับตัวต้านทาน( R1-R3) 560Ω และมีไดโอด(D1-D3) ต่อคร่อมระหว่างขาตัวต้านทาน( R1-R3) ลงกราวด์อยู่ แล้ววจะไปเข้าที่ขา PA4-PA6 ของ STM32F4
– ตัวรับสัญญาณวิทยุ TWS ทาหน้าที่ รับสัญญาณวิทยุที่ความถี่ 433.33MHz เข้ามาทางขา 8 แล้วส่งออกไปเข้า ไอซีDecoder (HT12D)ที่ขา 14
– ไอซี Decoder (HT12D) ทาหน้าที่ถอดรหัส ของสัญญาณที่ได้รับมาให้เป็นข้อมูล ซึ่งความถี่ที่ใช้จะต้องตรงกับความถี่ของ ไอซี Encoder(HT12E)
– SW ทาหน้าที่ ตั้งรหัส เพื่อให้รหัสตัวรับตรงกับตัวส่ง
– R4 ทาหน้าที่ สร้างความถี่ค่าหนึ่งเพื่อให้ตรงกับความถี่ของ ไอซี Encoder(HT12E)
– R1-R3 ทาหน้าที่ จากัดกระแสที่จะเข้า STM32F4 เพื่อป้องกันกระแสเกินอาจจะทาให้ STM32F4 เสียหายได้
– D1-D3 ทาหน้าที่ จากัดแรงดันที่จะเข้า STM32F4 เพื่อป้องกันแรงดันเกินอาจจะทาให้ STM32F4 เสียหายได้
จากรูปที่5 จะรับสัญญาณจาก STM32F4 ขา PA0 และ PA2 รับไฟฟ้ากระแสตรง (DC 12V) จาก แหล่งจ่าย สัญญาณจากขา PA0 เข้าขา2 ของ TLP250 ขา 3 ต่อลงกราวด์ ไฟฟ้ากระแสตรง (DC 12V) เข้าขา 8 ของ TLP250 ขา5 ต่อลงกราวด์ ขา6 และขา7 ต่อถึงกัน แล้วไปต่อเข้ากับคอยล์ของรีเลย์ เพื่อจะตัดต่อไฟ 220 V สาหรับสัญญาณที่ขา PA2 ของSTM32F4 จะต่อกับขา1 ของMOC3020 ขา 2 ต่อลงกราวด์ ขา 4 ต่อกับ ขา GATE ของ ไตรแอก (BT136) ขา6 ของMOC3020 จะต่อกับไฟฟ้ากระแสสลับ(AC 220V) โดยผ่าน R1 100Ωและไฟฟ้ากระแสสลับ (AC 220V) จะต่อเข้ากับขา T1 ของ ไตรแอก ขาT2 จะต่อกับขา COM ของรีเลย์ ส่วนขา NO จะ ต่อกับไฟฟ้ากระแสสลับ (AC 220V)
– MOC2030 ทำหน้าที่ ส่งสัญญาณไปทริกขาGATE ของไตรแอก และแยกกราวด์ระหว่างภาค Control กับภาค Power
– TLP250 ทำหน้าที่ ส่งสัญญาณไปให้คอยของรีเลย์ และแยกกราวด์ระหว่างภาค Control กับ คอยของรีเลย์
– ไตแอก (BT136) ทาหน้าที่ ควบคุมความสว่างของหลอดไฟ
– รีเลย์ ทาหน้าที่ ตัดต่อไฟฟ้ากระแสสลลับ 220 V เพื่อเปิด -ปิดหลอดไฟ
จากรูปที่ 6 สัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับ 6V ผ่านไดโอด (D1) ผ่าน R1 470 Ω เข้าขา2 ของTLP250 ขา3 ต่อลงกราวด์ ไฟฟ้ากระแสตรง 5V เข้าที่ ขา 8 ของ TLP250 ขา 5 ต่อลงกราวด์ ขา 6และขา 7 ต่อถึงกันแล้วไปเข้า ขา PA1 ของ STM32F4 เป็นสัญญาณหลักในการสั่งงานควบคุมความสว่างของหลอดไฟ
-D1 ทาหน้าที่ ตัดสัญญาณซีกลบของไฟฟ้ากระแสสลับ 6V ที่เข้ามา
-R1 ทาหน้าที่ จากัดกระแสที่จะเข้าขา2 ของ TLP250 เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดกับTLP250 ได้
-TLP250 ทาหน้าที่ ส่งสัญญาณที่ได้จากไฟฟ้ากระแสสลับไปให้กลับ STM32F4 และแยกกราวด์ระหว่าง หม้อแปลง กับ ภาค Control
โปรแกรม Simulink ที่สมบูรณ์ของโครงงาน
รับ INPUT เข้าที่ขา PA4, PA5, PA6,PA1 ใช้บล็อก ADC หมายเลข 2 แล้วใช้ บล็อก 3, 5, 6 เพื่อจะแปลงสัญญาณอนาล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิตอล สัญญาณที่ได้จากบล็อกหมายเลข 5, 6 เข้ามาที่บล็อกหมายเลข 12, 13 เพื่อเลือกส่งหรือตัดสัญญาณที่จะเข้าบล็อกหมายเลข 11 จากนั้นเขียนโปรแกรมในบล็อกหมายเลข 11 เพื่อส่งสัญญาณออกไป ทริกขา Gate ของไตรแอกและในขณะเดียวกันก็รับสัญญาณจาก PA1 จากบล็อกหมายเลข 1 ซึ่งเป็นความถี่ไฟ 220 V เพื่อเป็นสัญญาณหลักในการทริกขา Gate ของไตรแอก ให้ตรงกับมุมของไฟฟ้ากระแสสลับของไฟ 220 V ซึ่งออกจากช่องสัญญาณ PWM ของ บล็อกหมายเลข 11 ทำหน้าที่ควบคุมความสว่างของหลอดไฟ แล้วเข้าบล็อกหมายเลขที่ 17 ซึ่งทาหน้าที่ส่งสัญญาณออกที่ขา PA2 ของ STM32F4 และสัญญาณจากช่องสัญญาณ CONTROL จะเข้ากับบล็อกหมายเลขที่ 14 ทำหน้าที่เขียนข้อมูลที่ได้รับมา และออกที่บล็อกหมายเลขที่20 ซึ่งทำหน้าที่อ่านข้อมูลจากการเขียนของบล็อกหมายเลข 14 แล้วเข้าบล็อกหมายเลข 23 ทำหน้าที่การเขียนข้อมูลอีกครั้งออกที่บล็อกหมายเลขที่18 ทำหน้าที่อ่านข้อมูลอีกที่ เข้าบล็อกหมายเลขที่21 ทำหน้าที่ส่งข้อมูลที่ได้รับมาไปแสดงผลบนหน้าจอ LCD ในบรรทัดที่ 2 ส่วนสัญญาณ ของบล็อกหมายเลข 4 ทำหน้าที่ในการส่งสัญญาณปิด-เปิดหลอดไฟ ได้รับมาจาก บล็อกหมายเลข 3 เข้าบล็อกหมายเลข9 ทำหน้าที่กลับสัญญาณแล้วเข้าบล็อกหมายเลข10 ทำหน้าที่ส่งสัญญาณออกไปที่ขา PA2 สัญญาณจากบล็อก 4 ส่วนหนึ่งไปเป็นสัญญาณทริกสวิตช์ บล็อกหมายเลข 12,13 ให้ปิด-เปิด ทำหน้าที่เลือกส่งสัญญาณใดสัญญาณหนึ่ง สัญญาณจากบล็อกหมายเลข7, 8 เข้า บล็อกหมายเลข15, 16 จากนั้นสัญญาณจะถูกเลือกโดยบล็อกหมายเลข 25 แล้วเข้าบล็อกหมายเลข 19 ทำหน้าที่เขียนข้อมูลที่ได้รับมา ออกที่บล็อกหมายเลข22 ทำหน้าที่อ่านข้อมูลที่ได้รับมาจากบล็อกหมายเลข 19 เข้าที่บล็อกหมายเลข 24 ทำหน้าที่ส่งข้อมูลที่ได้รับมาไปแสดงผลบนหน้าจอ LCD ในบรรทัดที่ 1














การทำงานของโครงงาน
จากรูปที่ 7 เนื่องจาก STM32F4 เป็นตัวประมวลผลหลัก อุปกรณ์ทุกตัวจึงต่อเข้ากับ STM32F4 โดยที่จะรับ สัญญาณ Sync จาก TLP250 เข้าที่ขา PA1 สัญญาณควบคุมการปิด-เปิดและควบคุมแสงสว่างเข้าที่ขา PA4 PA5 PA6 โดยที่สัญญาณควบคุมการปิด-เปิดจะเข้าที่ขาPA6 สัญญาณเพิ่มความสว่างเข้าที่ขา PA5และสัญญาณลดความสว่างเข้าที่ขา PA4 สัญญาณOUTPUT ที่ควบคุมการปิด-เปิดจะออกจากขาPA0 เข้าTLP250 เพื่อตัดต่อหน้าสัมผัสของรีเลย์ในการปิด-เปิดหลอดไฟ สัญญาณควบคุมแสงสว่างออกที่ขาPA2 เข้า MOC3020 เพื่อไปทริกขาGate ของไตรแอก(BT136) เพื่อควบคุมความสว่างของหลอดไฟ
จากรูปที่ 8 เป็นรูปของรีโมท ประกอบไปด้วยสวิตช์ทั้งหมด 4 ตัว แบ่งเป็น สวิตช์กดติดปล่อยดับ 3 ตัว ตัวที่1 ทำหน้าที่ ปิด-เปิดหลอดไฟ ตัวที่2 ทำหน้าที่ลดแสงสว่าง ตัวที่ 3 ทำหน้าที่เพิ่มแสงสว่าง ส่วนสวิตช์ตัวที่4 เป็นสวิตช์กดติดปล่อยดับ ทำหน้าที่ ปิด-เปิด วงจรรีโมท
การทำงานของโครงงาน
รูปที่ 9 แสดงการทำงานของ โครงงาน เมื่อเปิดสวิตช์ LCD จะติด บรรทัดแรกจะขึ้นมาว่า status= OFF และบรรทัดที่สอ ง จะขึ้นมาว่า light=0 เพื่อบอกให้ผู้ใช้รู้ว่าหลอดไฟอยู่ในสภาวะถูกปิด และ ระดับความสว่างอยู่ที่ 0 และในสภาวะนี้หลอดไฟจะดับ
รูปที่10 เป็นการวัดสัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับ( สีเหลือง) เทียบกับสัญญาณที่ผ่านไดโอด(สีเขียว) ของวงจร Phase Sync
จากรูปที่11 เป็นการวัดสัญญาณที่ผ่านไดโอดออกมาแล้ว (สีเขียว) เทียบกับสัญญาณที่ผ่านการแยกกราวด์ โดยTLP250 (สีเขียว) ของวงจร Phase Sync จากการวัดจะสังเกตได้ว่าสัญญาณที่ออกมาจากTLP250 แล้วจะมีลักษณะเป็นสัญญาณพัลส์ ซึ่งสัญญาณพัลส์นี้จะมีค่า Vmax เท่ากับ 5V
จากรูปที่12 เมื่อเราเปิดสวิตช์ตัวที่ 4 ที่รีโมท แล้ววัดสัญญาณจากตัวส่ง Encoder และตัวรับ Decoder จะได้ตามรูปที่13 สีเขียวจะวัดได้จากตัวส่ง Encoder โดยวัดที่ขา 17 ของไอซี HT12E สัญญาณที่วัดได้จากตัวรับสีเหลืองจะวัดที่ขา8 ของTWS
จากรูปที่ 13 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่1 ของรีโมท LCD ที่โครงงาน บรรทัดแรกจะเปลี่ยนจาก status= OFF เป็น status= OFF และเมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่3 ของรีโมทหนึ่งครั้ง บรรทัดที่สองของLCD จะจะเปลี่ยนจาก light=0 เป็น light=0 เพื่อบอกให้ผู้ใช้รู้ว่าหลอดไฟอยู่ในสภาวะถูกเปิด และ ระดับความสว่างอยู่ที่ 1 และในสภาวะนี้ไส้หลอดไฟยังดับอยู่ แสดงให้เห็นว่าหลอดไฟยังไม่สว่าง
จากรูปที่14 แสดงให้เห็นว่าสัญญาณที่ออกจากขา PA2 ยังไม่มีสัญญาณจึงทาให้ สัญญาณที่ Load ไม่มีเช่นกัน
จากรูปที่ 15 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่ 3 ของรีโมทต่ออีก 2 ครั้ง บรรทัดที่สองของ LCD จะเปลี่ยนจาก light = 1 เป็น light = 3 บรรทัดแรกจะขึ้นว่า status= ON เพื่อบอกให้ผู้ใช้รู้ว่าหลอดไฟมีระดับความสว่างอยู่ที่ 3 อยู่ในสภาวะถูกเปิด และในสภาวะนี้ไส้หลอดไฟเริ่มมีสีแดง แสดงให้เห็นว่าหลอดไฟเริ่มมีแสงสว่าง
จากรูปที่ 16 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขาPA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณที่ออกจากขาPA2 มีระยะห่างพอสมควรประกอบสัญญาณที่ Load จึงทำให้ทราบว่าในขณะนี้สัญญาณที่ออกมาจากขาPA2 เป็นสัญญาณที่มาทริกขา Gate ของไตรแอก เฉพาะช่วงบวกและทริกไฟฟ้า 220 V ที่มุมประมาณ 150 องศา
จากรูปที่ 17 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่ 3 ของรีโมทต่ออีก 2 ครั้ง บรรทัดที่สองของ LCD จะเปลี่ยนจาก light = 3 เป็น light = 5 บรรทัดแรกจะขึ้นว่า status = ON เพื่อบอกให้ผู้ใช้รู้ว่า หลอดไฟมีระดับความสว่างอยู่ที่ 5 อยู่ในสภาวะถูกเปิด และในสภาวะนี้ไส้หลอดไฟมีสีแดงมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าหลอดไฟมีแสงสว่างมากขึ้น

รูปที่ 18 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขาPA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณที่ออกจากขา PA2 มีระยะใกล้กันพอสมควรประกอบสัญญาณที่ Load

จากรูปที่ 19 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่3 ของรีโมทต่ออีก 2ครั้ง บรรทัดที่สองของLCD จะเปลี่ยนจาก light = 5 เป็น light = 7 บรรทัดแรกจะขึ้นว่า status = ON
จากรูปที่ 20 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขา PA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณที่ออกจากขา PA2 มีระยะใกล้กันมากขึ้นประกอบสัญญาณที่ Load จึงทำให้ทราบว่าในขณะนี้สัญญาณที่ออกมาจากขา PA2 เป็นสัญญาณที่มาทริกขา Gate ของไตรแอก ทั้งช่วงบวกและช่วงลบ แล้วจะทริกไฟฟ้า 220 V ที่มุมประมาณ 70 องศา ของซีกบวก (+) และซีกลบ (-)

รูปที่ 21 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่3 ของรีโมทต่ออีก 2ครั้ง บรรทัดที่สองของLCD จะเปลี่ยนจาก light =7 เป็น light =9 บรรทัดแรกจะขึ้นว่า status = ON

รูปที่ 22 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขา PA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณที่ออกจากขา PA2 มีระยะใกล้กันมากประกอบสัญญาณที่ Load
จากรูปที่ 23 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่ 3 ของรีโมทต่ออีก 1 ครั้ง บรรทัดที่สองของ LCD จะเปลี่ยนจาก light = 9 เป็น light =10 บรรทัดแรกจะขึ้นว่า status = ON เพื่อบอกให้ผู้ใช้รู้ว่าหลอดไฟมีระดับความสว่างอยู่ที่ 10 อยู่ในสภาวะถูกเปิด และในสภาวะนี้หลอดไฟมีแสงสว่างมากที่สุด แล้วถ้าแล้วกดสวิตช์ตัวที่ 3 ของรีโมท อีกไม่ว่าสักกี่ครั้ง ตัวเลขที่แสดงอยู่บน LCD ในบรรทัดที่สองก็ไม่เพื่อขึ้นมากกว่า 10 เพราะ 10 เป็นค่าเต็ม Max ของโครงงานแล้ว บอกจากเราจะกอสวิตช์ตัวที 2 จะทำให้ตัวเลขบน LCD บรรทัดที่สอง และความสว่างลดลง

รูปที่ 24 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกมาจากขาPA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณจากขาPA2 มีระยะใกล้กันมากที่สุดจนจะติดกันประกอบสัญญาณที่ Load
ส่วนประกอบของโครงงานทั้งหมด
โครงงานหลัก
– บอร์ด STM32F4- LCD 4 บรรทัด 1ตัว
- VR 100 kΩ
- STM32F4 (STM32F4DISCOVERY) 1 บอร์ด
- TWS 1ตัว
- LED 3 ดวง
- DIP SW 8 Pin 1ตัว
- LM7805 1ตัว
- HT12D 1 ตัว
- TLP250 1ตัว
- ไดโอด 1N4001 1ตัว
- R 470 Ω 1ตัว
- รีเลย์ 5 V 1ตัว
- ไตแอก BT13 6 ตัว
- MOC3020 1ตัว
- TLP250 1ตัว
- R 100 Ω 5W 1ตัว
- เทอร์มินอน 1 ตัว
– รีโมท RF
- สวิตช์กดติดปล่อยดับ 3 ตัว สวิตช์กดติดกดดับ 1 ตัว
- DIP SW 8 Pin 1ตัว HT12D 1 ตัว RWS 1ตัว
- ถ่าน 9V 1ก้อนhttp://aimagin.com/blog/kmutnb_proj11_rfcontrol/?lang=th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น