โครงงานชุดควบคุมพัดลม โดยใช้รีโมท RF Control


Download: Simulink Model file (proj11_RFControl.7z)

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน

เนื่องจากแต่เดิมการปิด-เปิด และ กำหนดค่าความสว่างใช้งานของไฟฟ้า ต้องไปกำหนดที่สวิตช์ของหลอดไฟตัวนั้นๆ จึงทำให้ยุ่งยากในการใช้งาน ผู้จัดทำโครงงานมองเห็นปัญหาจึงได้คิดค้นและจัดทำโครงงานนี้ขึ้นมาเพื่อลงความยุ่งยากในการเปิด-ปิด กำหนดค่าความสว่างใช้งานของไฟฟ้าโดยการใช้รีโมทชนิด RF สามารถผ่านสิ่งขีดขวาง ควบคุมในระยะไกลได้ และเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานความสว่างของไฟฟ้าให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เข้ากับยุคปัจจุบันซึ่งมีความเร่งรีบในการทำงาน

คุณสมบัติการทำงานของโครงงาน

– สามารถควบคุมการปิด-เปิดและกำหนดค่าความสว่างของหลอดไฟฟ้ากระแสสลับ
– บอร์ดไดเวอร์ใช้กับหลอดไส้ขนาด 25-100 วัต
– รีโมทใช้ถ่านขนาด 9V
– สามารถควบคุมระยะไกลสุด 25 เมตร
– หน้าจอ LCD แสดงสถานะ ปิด- เปิด และ ระดับค่าความสว่าง 0-10
– โครงงานใช้กับไฟฟ้า 220 V
รูปที่ 2 Schematic รีโมท RF
รูปที่ 2 Schematic รีโมท RF
จากรูปที่ 2 INPUT ไฟฟ้ากระแสตรงจากถ่าน 9 โวลต์ (DC 9 V ) จะเข้ามาเป็นไฟเลี้ยงวงจร ไอซี HT12E ที่ขา 18 และ ตัวส่งสัญญาณRF (RF) ที่ขา 3 ไอซี HT12E ขาที่ 9,14 ตัวส่งสัญญาณRF (RF) ขาที่1 SW1 ขา 9-18 และ S1-S3 ขาใดขาหนึ่งต่อลงกราวด์ สาหรับ R1 ต่ออยู่กับขา15 และขา 16 ของ ไอซี HT12E เพื่อสร้างความถี่ในการส่งข้อมูลไปยังตัวรับ ขาที่ 17 ของ HT12E ต่อกับ ขา 2 ของตัวส่งสัญญาณRF (RF) ขาที่ 10-12ของ HT12E จะต่อกับ S1-S3 ขาที่เหลือตามลาดับ สาหรับ S1 เป็นสวิตซ์ที่ใช้ในการปิด-เปิดของหลอดไฟ S2 เป็นสวิตช์ที่ใช้สาหรับลดแสงสว่าง S3 เป็นสวิตช์ที่ใช้ในการเพิ่มแสงสว่าง ส่วนขาที่เหลือของ ไอซี HT12E ยกเว้นขา13 จะต่อกับ SW1 ที่ขา 1-8 เพื่อเป็นการตั้งรหัสประจารีโมท ให้เข้ากับตัวรับที่ต้องการควบคุม ต่อมาตัวส่งสัญญาณRF (RF) จะสร้างความถี่ 433.33MHz เพื่อส่งข้อมูลและความถี่ออกไปในอากาศที่ขา 4

รูปที่3 Schematic ,STM32F4 , LCD
รูปที่3 Schematic ,STM32F4 , LCD

จากรูปที่3 STM32F4 เป็นตัวประมวลผลหลักในการทำงาน ซึ่งจะทำหน้าที่ในการรับ INPUT และทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลตามที่ได้โปรแกรมมาก่อนจะส่งออก OUTPUT ไปควบคุมการทำงานของหลอดไฟ ขา INPUT คือขา PA4 , PA5 , PA6 สำหรับ PA4 เป็น ขาที่รับสัญญาณ ปิด – เปิด จาก HT12D ขา 12 PA5 เป็น ขาที่ลดความสว่างของหลอดไฟ จาก Decoder ขา 10 PA6 เป็น ขาที่เพิ่มความสว่างของหลอดไฟ จาก Decoder ขา 11
STM32F4 ขา OUTPUT PA0 , PA2 , PE7 , PE8 , PE9 , PE12 , PE13 , PE14 , PE15 สาหรับ PA0 จะส่งสัญญาณที่ทำหน้าที่ ปิด-เปิด หลอดไฟ ไปเข้าที่ ขา2 ของ TLP-250 PA2 จะส่งสัญญาณควบคุมความสว่างของหลอดไฟ ไปที่ ขา 1 ของ MOC3020 PE8 , PE9 , PE12 , PE13 , PE14 , PE15 จะต่อเข้ากับขา 4,5,6,11,12,13,14 ของ LCD เพื่อนาข้อมูลที่ได้ไปแสดงบนหน้าจอ LCD เป็น String ขา 2,15 ของ LCD จะต่อกับไฟ 5V เพื่อเลี้ยงวงจรของ LCD ขา1 และขา 16ของ LCD ต่อลงกราวด์ มีตัวต้านทานปรับค่าได้ (VR) 10k ขา1 ต่อไฟ 5 V ขา 3 ลงกราวด์ และขาใช้งาน ขา2 ต่อกับ LCD ขา3 เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ
รูปที่4 Schematic Decoder
รูปที่4 Schematic Decoder
จากรูปที่ 4  INPUT ไฟฟ้ากระแสตรง (DC 9-12 V) เข้ามา ถูก ไอซีเร็กกลูเลเตอร์จำกัดแรงดัน OUTPUT ที่ 5V เพื่อเลี้ยงวงจร ไฟฟ้ากระแสตรง (DC 5 V) จะออกที่ขา 3 ของไอซีเร็กกลูเลเตอร์ ไปเลี้ยงตัวรับสัญญาณวิทยุ TWS ขา 4-7 ขา 1ลงกราวด์ เลี้ยง ไอซี Decoder(HT12E) ที่ขา 18 และขา 9 ต่อลงกราวด์ ขา 15 ขา16 ต่อกับ R4 (51kΩ) ขา1-8 ต่อ กับสวิตช์ (SW)ขา1-8 ขาที่เหลือต่อลงกราวด์(GND) ขา10-12ของไอซี Decoder(HT12E) ต่อกับตัวต้านทาน( R1-R3) 560Ω และมีไดโอด(D1-D3) ต่อคร่อมระหว่างขาตัวต้านทาน( R1-R3) ลงกราวด์อยู่ แล้ววจะไปเข้าที่ขา PA4-PA6 ของ STM32F4
– ตัวรับสัญญาณวิทยุ TWS ทาหน้าที่ รับสัญญาณวิทยุที่ความถี่ 433.33MHz เข้ามาทางขา 8 แล้วส่งออกไปเข้า ไอซีDecoder (HT12D)ที่ขา 14
– ไอซี Decoder (HT12D) ทาหน้าที่ถอดรหัส ของสัญญาณที่ได้รับมาให้เป็นข้อมูล ซึ่งความถี่ที่ใช้จะต้องตรงกับความถี่ของ ไอซี Encoder(HT12E)
– SW ทาหน้าที่ ตั้งรหัส เพื่อให้รหัสตัวรับตรงกับตัวส่ง
– R4 ทาหน้าที่ สร้างความถี่ค่าหนึ่งเพื่อให้ตรงกับความถี่ของ ไอซี Encoder(HT12E)
– R1-R3 ทาหน้าที่ จากัดกระแสที่จะเข้า STM32F4 เพื่อป้องกันกระแสเกินอาจจะทาให้ STM32F4 เสียหายได้
– D1-D3 ทาหน้าที่ จากัดแรงดันที่จะเข้า STM32F4 เพื่อป้องกันแรงดันเกินอาจจะทาให้ STM32F4 เสียหายได้
รูปที่ 5 Schematic LAMP DIVER
รูปที่ 5 Schematic LAMP DIVER
จากรูปที่5 จะรับสัญญาณจาก STM32F4 ขา PA0 และ PA2 รับไฟฟ้ากระแสตรง (DC 12V) จาก แหล่งจ่าย สัญญาณจากขา PA0 เข้าขา2 ของ TLP250 ขา 3 ต่อลงกราวด์ ไฟฟ้ากระแสตรง (DC 12V) เข้าขา 8 ของ TLP250 ขา5 ต่อลงกราวด์ ขา6 และขา7 ต่อถึงกัน แล้วไปต่อเข้ากับคอยล์ของรีเลย์ เพื่อจะตัดต่อไฟ 220 V สาหรับสัญญาณที่ขา PA2 ของSTM32F4 จะต่อกับขา1 ของMOC3020 ขา 2 ต่อลงกราวด์ ขา 4 ต่อกับ ขา GATE ของ ไตรแอก (BT136) ขา6 ของMOC3020 จะต่อกับไฟฟ้ากระแสสลับ(AC 220V) โดยผ่าน R1 100Ωและไฟฟ้ากระแสสลับ (AC 220V) จะต่อเข้ากับขา T1 ของ ไตรแอก ขาT2 จะต่อกับขา COM ของรีเลย์ ส่วนขา NO จะ ต่อกับไฟฟ้ากระแสสลับ (AC 220V)
– MOC2030 ทำหน้าที่ ส่งสัญญาณไปทริกขาGATE ของไตรแอก และแยกกราวด์ระหว่างภาค Control กับภาค Power
– TLP250 ทำหน้าที่ ส่งสัญญาณไปให้คอยของรีเลย์ และแยกกราวด์ระหว่างภาค Control กับ คอยของรีเลย์
– ไตแอก (BT136) ทาหน้าที่ ควบคุมความสว่างของหลอดไฟ
– รีเลย์ ทาหน้าที่ ตัดต่อไฟฟ้ากระแสสลลับ 220 V เพื่อเปิด -ปิดหลอดไฟ
รูปที่ 7 Schematic Phase Sync
รูปที่ 7 Schematic Phase Sync
จากรูปที่ 6 สัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับ 6V ผ่านไดโอด (D1) ผ่าน R1 470 Ω เข้าขา2 ของTLP250 ขา3 ต่อลงกราวด์ ไฟฟ้ากระแสตรง 5V เข้าที่ ขา 8 ของ TLP250 ขา 5 ต่อลงกราวด์ ขา 6และขา 7 ต่อถึงกันแล้วไปเข้า ขา PA1 ของ STM32F4 เป็นสัญญาณหลักในการสั่งงานควบคุมความสว่างของหลอดไฟ
-D1 ทาหน้าที่ ตัดสัญญาณซีกลบของไฟฟ้ากระแสสลับ 6V ที่เข้ามา
-R1 ทาหน้าที่ จากัดกระแสที่จะเข้าขา2 ของ TLP250 เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดกับTLP250 ได้
-TLP250 ทาหน้าที่ ส่งสัญญาณที่ได้จากไฟฟ้ากระแสสลับไปให้กลับ STM32F4 และแยกกราวด์ระหว่าง หม้อแปลง กับ ภาค Control

โปรแกรม Simulink ที่สมบูรณ์ของโครงงาน

โปรแกรม Simulink ที่สมบูรณ์ของโครงงาน
โปรแกรม Simulink ที่สมบูรณ์ของโครงงาน
โปรแกรม Simulink ที่สมบูรณ์ของโครงงาน
โปรแกรม Simulink ที่สมบูรณ์ของโครงงาน
รับ INPUT เข้าที่ขา PA4, PA5, PA6,PA1 ใช้บล็อก ADC หมายเลข 2 แล้วใช้ บล็อก 3, 5, 6 เพื่อจะแปลงสัญญาณอนาล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิตอล สัญญาณที่ได้จากบล็อกหมายเลข 5, 6 เข้ามาที่บล็อกหมายเลข 12, 13 เพื่อเลือกส่งหรือตัดสัญญาณที่จะเข้าบล็อกหมายเลข 11 จากนั้นเขียนโปรแกรมในบล็อกหมายเลข 11 เพื่อส่งสัญญาณออกไป ทริกขา Gate ของไตรแอกและในขณะเดียวกันก็รับสัญญาณจาก PA1 จากบล็อกหมายเลข 1 ซึ่งเป็นความถี่ไฟ 220 V เพื่อเป็นสัญญาณหลักในการทริกขา Gate ของไตรแอก ให้ตรงกับมุมของไฟฟ้ากระแสสลับของไฟ 220 V ซึ่งออกจากช่องสัญญาณ PWM ของ บล็อกหมายเลข 11 ทำหน้าที่ควบคุมความสว่างของหลอดไฟ แล้วเข้าบล็อกหมายเลขที่ 17 ซึ่งทาหน้าที่ส่งสัญญาณออกที่ขา PA2 ของ STM32F4 และสัญญาณจากช่องสัญญาณ CONTROL จะเข้ากับบล็อกหมายเลขที่ 14 ทำหน้าที่เขียนข้อมูลที่ได้รับมา และออกที่บล็อกหมายเลขที่20 ซึ่งทำหน้าที่อ่านข้อมูลจากการเขียนของบล็อกหมายเลข 14 แล้วเข้าบล็อกหมายเลข 23 ทำหน้าที่การเขียนข้อมูลอีกครั้งออกที่บล็อกหมายเลขที่18 ทำหน้าที่อ่านข้อมูลอีกที่ เข้าบล็อกหมายเลขที่21 ทำหน้าที่ส่งข้อมูลที่ได้รับมาไปแสดงผลบนหน้าจอ LCD ในบรรทัดที่ 2 ส่วนสัญญาณ ของบล็อกหมายเลข 4 ทำหน้าที่ในการส่งสัญญาณปิด-เปิดหลอดไฟ ได้รับมาจาก บล็อกหมายเลข 3 เข้าบล็อกหมายเลข9 ทำหน้าที่กลับสัญญาณแล้วเข้าบล็อกหมายเลข10 ทำหน้าที่ส่งสัญญาณออกไปที่ขา PA2 สัญญาณจากบล็อก 4 ส่วนหนึ่งไปเป็นสัญญาณทริกสวิตช์ บล็อกหมายเลข 12,13 ให้ปิด-เปิด ทำหน้าที่เลือกส่งสัญญาณใดสัญญาณหนึ่ง สัญญาณจากบล็อกหมายเลข7, 8 เข้า บล็อกหมายเลข15, 16 จากนั้นสัญญาณจะถูกเลือกโดยบล็อกหมายเลข 25 แล้วเข้าบล็อกหมายเลข 19 ทำหน้าที่เขียนข้อมูลที่ได้รับมา ออกที่บล็อกหมายเลข22 ทำหน้าที่อ่านข้อมูลที่ได้รับมาจากบล็อกหมายเลข 19 เข้าที่บล็อกหมายเลข 24 ทำหน้าที่ส่งข้อมูลที่ได้รับมาไปแสดงผลบนหน้าจอ LCD ในบรรทัดที่ 1

การทำงานของโครงงาน


รูปที่ 7 โครงงาน
รูปที่ 7  โครงงาน
จากรูปที่ 7 เนื่องจาก STM32F4 เป็นตัวประมวลผลหลัก อุปกรณ์ทุกตัวจึงต่อเข้ากับ STM32F4 โดยที่จะรับ สัญญาณ Sync จาก TLP250 เข้าที่ขา PA1 สัญญาณควบคุมการปิด-เปิดและควบคุมแสงสว่างเข้าที่ขา PA4 PA5 PA6 โดยที่สัญญาณควบคุมการปิด-เปิดจะเข้าที่ขาPA6 สัญญาณเพิ่มความสว่างเข้าที่ขา PA5และสัญญาณลดความสว่างเข้าที่ขา PA4 สัญญาณOUTPUT ที่ควบคุมการปิด-เปิดจะออกจากขาPA0 เข้าTLP250 เพื่อตัดต่อหน้าสัมผัสของรีเลย์ในการปิด-เปิดหลอดไฟ สัญญาณควบคุมแสงสว่างออกที่ขาPA2 เข้า MOC3020 เพื่อไปทริกขาGate ของไตรแอก(BT136) เพื่อควบคุมความสว่างของหลอดไฟ
รูปที่ 8 รีโมท
รูปที่ 8 รีโมท
จากรูปที่ 8 เป็นรูปของรีโมท ประกอบไปด้วยสวิตช์ทั้งหมด 4 ตัว แบ่งเป็น สวิตช์กดติดปล่อยดับ 3 ตัว ตัวที่1 ทำหน้าที่ ปิด-เปิดหลอดไฟ ตัวที่2 ทำหน้าที่ลดแสงสว่าง ตัวที่ 3 ทำหน้าที่เพิ่มแสงสว่าง ส่วนสวิตช์ตัวที่4 เป็นสวิตช์กดติดปล่อยดับ ทำหน้าที่ ปิด-เปิด วงจรรีโมท

การทำงานของโครงงาน

รูปที่ 9 แสดงการทำงานของ โครงงาน เมื่อเปิดสวิตช์ LCD จะติด
รูปที่ 9 แสดงการทำงานของ โครงงาน เมื่อเปิดสวิตช์ LCD จะติด
รูปที่ 9 แสดงการทำงานของ โครงงาน เมื่อเปิดสวิตช์ LCD จะติด บรรทัดแรกจะขึ้นมาว่า status= OFF และบรรทัดที่สอ ง จะขึ้นมาว่า light=0 เพื่อบอกให้ผู้ใช้รู้ว่าหลอดไฟอยู่ในสภาวะถูกปิด และ ระดับความสว่างอยู่ที่ 0 และในสภาวะนี้หลอดไฟจะดับ
รูปที่11 เป็นการวัดสัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับ( สีเหลือง) เทียบกับสัญญาณที่ผ่านไดโอด(สีเขียว) ของวงจร Phase Sync
รูปที่10 เป็นการวัดสัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับ( สีเหลือง) เทียบกับสัญญาณที่ผ่านไดโอด(สีเขียว) ของวงจร Phase Sync
จากรูปที่10 เป็นการวัดสัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับ(สีเหลือง) เทียบกับสัญญาณที่ผ่านไดโอด(สีเขียว) ของวงจร Phase Sync จากการวัดจะสังเกตได้ว่าสัญญาณที่ออกมาจากไดโอด จะตัด ไฟฟ้ากระแสสลับซีกลบออกไป เพื่อที่จะเข้าที่ TLP250 ตามรูปที่ 7
กรูปที่12 เป็นการวัดสัญญาณที่ผ่านไดโอดออกมาแล้ว ( สีเขียว) เทียบกับสัญญาณที่ผ่านการแยกกราวด์
รูปที่11 เป็นการวัดสัญญาณที่ผ่านไดโอดออกมาแล้ว ( สีเขียว) เทียบกับสัญญาณที่ผ่านการแยกกราวด์
จากรูปที่11 เป็นการวัดสัญญาณที่ผ่านไดโอดออกมาแล้ว (สีเขียว) เทียบกับสัญญาณที่ผ่านการแยกกราวด์ โดยTLP250 (สีเขียว) ของวงจร Phase Sync จากการวัดจะสังเกตได้ว่าสัญญาณที่ออกมาจากTLP250 แล้วจะมีลักษณะเป็นสัญญาณพัลส์ ซึ่งสัญญาณพัลส์นี้จะมีค่า Vmax เท่ากับ 5V
รูปที่13 แสดงผลเมื่อเราเปิดสวิตช์ตัวที่ 4 ที่รีโมท แล้ววัดสัญญาณจากตัวส่ง Encoder
รูปที่12 แสดงผลเมื่อเราเปิดสวิตช์ตัวที่ 4 ที่รีโมท แล้ววัดสัญญาณจากตัวส่ง Encoder
จากรูปที่12 เมื่อเราเปิดสวิตช์ตัวที่ 4 ที่รีโมท แล้ววัดสัญญาณจากตัวส่ง Encoder และตัวรับ Decoder จะได้ตามรูปที่13 สีเขียวจะวัดได้จากตัวส่ง Encoder โดยวัดที่ขา 17 ของไอซี HT12E สัญญาณที่วัดได้จากตัวรับสีเหลืองจะวัดที่ขา8 ของTWS
รูปที่ 13
รูปที่ 13
จากรูปที่ 13 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่1 ของรีโมท LCD ที่โครงงาน บรรทัดแรกจะเปลี่ยนจาก status= OFF เป็น status= OFF และเมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่3 ของรีโมทหนึ่งครั้ง บรรทัดที่สองของLCD จะจะเปลี่ยนจาก light=0 เป็น light=0 เพื่อบอกให้ผู้ใช้รู้ว่าหลอดไฟอยู่ในสภาวะถูกเปิด และ ระดับความสว่างอยู่ที่ 1 และในสภาวะนี้ไส้หลอดไฟยังดับอยู่ แสดงให้เห็นว่าหลอดไฟยังไม่สว่าง
รูปที่ 15
รูปที่ 14
จากรูปที่14 แสดงให้เห็นว่าสัญญาณที่ออกจากขา PA2 ยังไม่มีสัญญาณจึงทาให้ สัญญาณที่ Load ไม่มีเช่นกัน
รูปที่ 15
รูปที่ 15
จากรูปที่ 15 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่ 3 ของรีโมทต่ออีก 2 ครั้ง บรรทัดที่สองของ LCD จะเปลี่ยนจาก light = 1 เป็น light = 3 บรรทัดแรกจะขึ้นว่า status= ON เพื่อบอกให้ผู้ใช้รู้ว่าหลอดไฟมีระดับความสว่างอยู่ที่ 3 อยู่ในสภาวะถูกเปิด และในสภาวะนี้ไส้หลอดไฟเริ่มมีสีแดง แสดงให้เห็นว่าหลอดไฟเริ่มมีแสงสว่าง
รูปที่ 17 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขา PA2
รูปที่ 16  แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขา PA2
จากรูปที่ 16 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขาPA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณที่ออกจากขาPA2 มีระยะห่างพอสมควรประกอบสัญญาณที่ Load จึงทำให้ทราบว่าในขณะนี้สัญญาณที่ออกมาจากขาPA2 เป็นสัญญาณที่มาทริกขา Gate ของไตรแอก เฉพาะช่วงบวกและทริกไฟฟ้า 220 V ที่มุมประมาณ 150 องศา
รูปที่ 17
รูปที่ 17
จากรูปที่ 17 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่ 3 ของรีโมทต่ออีก 2 ครั้ง บรรทัดที่สองของ LCD จะเปลี่ยนจาก light = 3 เป็น light = 5 บรรทัดแรกจะขึ้นว่า status = ON เพื่อบอกให้ผู้ใช้รู้ว่า หลอดไฟมีระดับความสว่างอยู่ที่ 5 อยู่ในสภาวะถูกเปิด และในสภาวะนี้ไส้หลอดไฟมีสีแดงมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าหลอดไฟมีแสงสว่างมากขึ้น
รูปที่ 19 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขาPA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณที่ออกจากขา PA2 มีระยะใกล้กันพอสมควรประกอบสัญญาณที่ Load
รูปที่ 18 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขาPA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณที่ออกจากขา PA2 มีระยะใกล้กันพอสมควรประกอบสัญญาณที่ Load
จากรูปที่ 18 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขา PA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณที่ออกจากขา PA2 มีระยะใกล้กันพอสมควรประกอบสัญญาณที่ Load จึงทำให้ทราบว่าในขณะนี้สัญญาณที่ออกมาจากขาPA2 เป็นสัญญาณที่มาทริกขา Gate ของไตรแอก ทั้งช่วงบวกและช่วงลบ ทริกไฟฟ้า220 V ที่มุมประมาณ 120 องศา ของซีกบวก (+) และซีกลบ (-)
จากรูปที่ 19 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่3 ของรีโมทต่ออีก 2ครั้ง บรรทัดที่สองของLCD จะเปลี่ยนจาก light = 5 เป็น light = 7 บรรทัดแรกจะขึ้นว่า status = ON
จากรูปที่ 19 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่3 ของรีโมทต่ออีก 2ครั้ง บรรทัดที่สองของLCD จะเปลี่ยนจาก light = 5 เป็น light = 7 บรรทัดแรกจะขึ้นว่า status = ON
จากรูปที่ 19 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่ 3 ของรีโมทต่ออีก 2 ครั้ง บรรทัดที่สองของ LCD จะเปลี่ยนจาก light =5 เป็น ligh t=7 บรรทัดแรกจะขึ้นว่า status = ON เพื่อบอกให้ผู้ใช้รู้ว่าหลอดไฟมีระดับความสว่างอยู่ที่ 7 อยู่ในสภาวะถูกเปิด และในสภาวะนี้หลอดไฟมีแสงสว่างมากขึ้นจนมองไม่เห็นไส้หลอด
รูปที่ 20 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขา PA2
รูปที่ 20 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขา PA2
จากรูปที่ 20 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขา PA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณที่ออกจากขา PA2 มีระยะใกล้กันมากขึ้นประกอบสัญญาณที่ Load จึงทำให้ทราบว่าในขณะนี้สัญญาณที่ออกมาจากขา PA2 เป็นสัญญาณที่มาทริกขา Gate ของไตรแอก ทั้งช่วงบวกและช่วงลบ แล้วจะทริกไฟฟ้า 220 V ที่มุมประมาณ 70 องศา ของซีกบวก (+) และซีกลบ (-)
รูปที่ 22 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่3 ของรีโมทต่ออีก 2ครั้ง บรรทัดที่สองของLCD จะเปลี่ยนจาก light =7 เป็น light =9 บรรทัดแรกจะขึ้นว่า status = ON
รูปที่ 21 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่3 ของรีโมทต่ออีก 2ครั้ง บรรทัดที่สองของLCD จะเปลี่ยนจาก light =7 เป็น light =9 บรรทัดแรกจะขึ้นว่า status = ON
จากรูปที่ 21 เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่ 3 ของรีโมทต่ออีก 2 ครั้ง บรรทัดที่สองของLCD จะเปลี่ยนจาก light = 7 เป็น light = 9 บรรทัดแรกจะขึ้นว่า status = ON เพื่อบอกให้ผู้ใช้รู้ว่าหลอดไฟมีระดับความสว่างอยู่ที่ 9 อยู่ในสภาวะถูกเปิด และในสภาวะนี้หลอดไฟมีแสงสว่างมาก
รูปที่ 23 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขาPA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณที่ออกจากขาPA2 มีระยะใกล้กันมากประกอบสัญญาณที่ Load
รูปที่ 22 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขา PA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณที่ออกจากขา PA2 มีระยะใกล้กันมากประกอบสัญญาณที่ Load
จากรูปที่ 22 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกจากขา PA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณที่ออกจากขา PA2 มีระยะใกล้กันมากประกอบสัญญาณที่ Load จึงทาให้ทราบว่าในขณะนี้สัญญาณที่ออกมาจากขา PA2 เป็นสัญญาณที่มาทริกขา Gate ของไตรแอก ทั้งช่วงบวก (+) และช่วงลบ (-) แล้วจะทริกไฟฟ้า220 V ที่มุมประมาณ 30 องศา ของซีกบวก (+) และซีกลบ (-) จึงทำให้เรามองเห็นเกือบจะเป็นรูปไซน์
รูปที่ 23
รูปที่ 23
จากรูปที่ 23  เมื่อเรากดสวิตช์ตัวที่ 3 ของรีโมทต่ออีก 1 ครั้ง บรรทัดที่สองของ LCD  จะเปลี่ยนจาก light = 9 เป็น light =10 บรรทัดแรกจะขึ้นว่า status = ON เพื่อบอกให้ผู้ใช้รู้ว่าหลอดไฟมีระดับความสว่างอยู่ที่ 10 อยู่ในสภาวะถูกเปิด และในสภาวะนี้หลอดไฟมีแสงสว่างมากที่สุด แล้วถ้าแล้วกดสวิตช์ตัวที่ 3 ของรีโมท อีกไม่ว่าสักกี่ครั้ง ตัวเลขที่แสดงอยู่บน LCD ในบรรทัดที่สองก็ไม่เพื่อขึ้นมากกว่า 10 เพราะ 10 เป็นค่าเต็ม Max ของโครงงานแล้ว บอกจากเราจะกอสวิตช์ตัวที 2 จะทำให้ตัวเลขบน LCD บรรทัดที่สอง และความสว่างลดลง
รูปที่ 25 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกมาจากขาPA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณจากขาPA2 มีระยะใกล้กันมากที่สุดจนจะติดกันประกอบสัญญาณที่ Load
รูปที่ 24 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกมาจากขาPA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณจากขาPA2 มีระยะใกล้กันมากที่สุดจนจะติดกันประกอบสัญญาณที่ Load
จากรูปที่ 24 แสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณที่ออกมาจากขา PA2 ซึ่งจากรูปสัญญาณจากขา PA2 มีระยะใกล้กันมากที่สุดจนจะติดกันประกอบสัญญาณที่ Load จึงทาให้ทราบว่าในขณะนี้สัญญาณที่ออกมาจากขา PA2 เป็นสัญญาณที่มาทริกขา Gate ของไตรแอก ทั้งช่วงบวกและช่วงลบ แล้วจะทริกไฟฟ้า 220 V ที่มุม0 องศา ของซีกบวก (+) และซีกลบ (-)  จึงทำให้เรามองเห็นเป็นรูปไซน์เติมลูกเพราะว่าไม่ถูกตัด

ส่วนประกอบของโครงงานทั้งหมด

โครงงานหลัก

– บอร์ด STM32F4
– บอร์ด DECODER
  • TWS 1ตัว
  •  LED 3 ดวง
  • DIP SW 8 Pin 1ตัว
  • LM7805 1ตัว
  • HT12D 1 ตัว
– บอร์ด Phase Sync
  • TLP250 1ตัว
  • ไดโอด 1N4001 1ตัว
  •  R 470 Ω 1ตัว
– บอร์ด LAMP DIVER
  • รีเลย์ 5 V 1ตัว
  • ไตแอก BT13 6 ตัว
  • MOC3020 1ตัว
  • TLP250 1ตัว
  • R 100 Ω 5W 1ตัว
  • เทอร์มินอน 1 ตัว
– หลอดไฟ
– รีโมท RF